ปรับความเข้าใจใหม่กับอาการดื้อยา

อาการดื้อยากับความเข้าใจผิดของคนทั่วไป จากการศึกษาของกระทรวงสาธารณสุขเวลคัมทรัสต์ เป็นกองทุนสาธารณสุขของประเทศอังกฤษ พบว่าทุกชั่วโมงในประเทศไทยจะมีผู้เสียชีวิตจากการดื้อยาปฏิชีวนะเฉลี่ย 2 คน ปี 2010 มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยา ของประเทศไทยมากถึง 19,122 คน สาเหตุหนึ่งมาจากคนไทยซื้อยาทานเองตามร้านขายยาได้ง่ายไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์

การดื้อยาของเชื้อโรคเกิดจาก
การใช้ยามากเกินไปจนเชื้อนั้นพัฒนา ต่อต้านได้ด้วยตัวเองเกิดขึ้นได้กับเชื้อทุกชนิดอยู่ที่ว่า จะมากหรือน้อยแค่ไหน ในเชื้อชาติและตัวหมายถึงพฤติกรรมการใช้ยาที่ถูก วิธีหรือไม่ คนทั่วไปคิดว่าป่วยธรรมดาก็สามารถซื้อยาทานเองได้โดยไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ เช่น อาการท้องเสีย ไข้หวัด หรือมีแผลที่เกิดขึ้นตามร่างกาย สามารถหาได้เองโดยที่ไม่ต้องพบแพทย์หรือทานยา แม้แต่บางคนที่ดูหนังAVซัปไทยแล้วพบว่าตัวเองเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก็คิดว่าซื้อยามากินเองอาจจะดีกว่า ความจริงแล้วตอนที่เราดูหนังAVซัปไทยแล้วพบความผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์

สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดเชื้อดื้อยาจากพฤติกรรมของเราอีกด้วย เช่น
– ใช้ยาพร่ำเพรื่อ
– ซื้อยากินเอง
– แบ่งยากันใช้
– หยุดยาเอง

ข้อแตกต่างของยาที่ซื้อจากเภสัชกรกับยาที่ได้จากแพทย์แตกต่างกันที่การวินิจฉัยคือ เภสัชกรไม่สามารถวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยได้ไม่เท่ากับแพทย์ และแพทย์ เองก็อาจจะไม่มีความรู้เรื่องการจ่ายยาเท่าเภสัชกร เปรียบเทียบง่ายๆเหมือนนักแสดงหนังAVซัปไทยกับผู้กำกับหนังAVซัปไทยที่ต้องทำงานประสานกัน

ตัวยา บางประเภทที่คนทั่วไปนั้นมีความเข้าใจผิดอยู่คือ
ยาต้านเชื้อแบคทีเรียหรือยาแก้อักเสบ มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเพราะยาต้านแบคทีเรียและยาแก้อักเสบนั้นแตกต่างกัน ผู้ป่วยจะซื้อยารับประทานเองก็มีโอกาสที่จะได้ยาฆ่าเชื้อหรือยาต้านแบคทีเรียมากินโดย เข้าใจว่าคือยาแก้อักเสบที่ทานแล้วก็จะหายได้ทุกโรค เป็นสาเหตุเริ่มต้นที่ทำให้ได้ยาต้านแบคทีเรียโดยไม่จำเป็น
มียาปฏิชีวนะอีกประเภทหนึ่งแตกต่างกับยาแก้อักเสบแต่ใกล้เคียงกันกับยาต้านแบคทีเรีย คือ ผู้ป่วยติดเชื้อจนเกิดการอักเสบ ฤทธิ์ของยาจะเข้าไปทำลายเชื้อโรคการอักเสบก็จะหายไป จึงทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดว่ายาต้านแบคทีเรียนั้นคือยาแก้อักเสบ ความจริงแล้วการอักเสบเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีการติดเชื้อ เช่นโรคเก๊า การเดินชนสิ่งของแล้วเกิดอาการบวม อาการเหล่านี้ต้องใช้ยาแก้อักเสบ สรุปได้ว่ายาทั้งสามประเภทนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน
การดื้อยาในร่างกายของเรานั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอไม่ว่าจะใช้ยาที่ถูกต้องหรือไม่ถูกก็ตาม หากร่างกายได้รับยาไม่ถูกนั่นหมายความว่าร่างกายของเรานั้นใช้ยาเกินขนาดอาจทำให้เกิดการดื้อยาโดยไม่จำเป็น